ก่อนอื่นผมขออธิบายสั้นๆ ให้ทุกท่านทราบก่อนนะครับก่อนจะลงรายละเอียดเวลาคนค้นหาข้อมูลใน Google ส่วนใหญ่ก็มักจะมี “คำถาม” อยู่ในใจ เช่น วิธีเริ่มทำ SEO ต้องทำยังไง? ธุรกิจใหม่ควรเริ่มจาก Ads หรือ SEO? ร้านกาแฟเปิดกี่โมง? เป็นต้น
สิ่งที่ Google พยายามทำมาตลอดก็คือ การหาคำตอบที่ “เร็วและตรงใจที่สุด” ให้กับผู้ใช้งาน และนี่แหละครับคือที่มาของ FAQ Schema เครื่องมือเล็ก ๆ แต่ทรงพลัง ที่ช่วยเปลี่ยน “คำถาม–คำตอบ” ในหน้าเว็บไซต์ของคุณ ให้กลายเป็นข้อมูลที่ Google เข้าใจได้ทันที และนำไปแสดงผลในรูปแบบที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง
สำหรับมือใหม่ SEO อาจจะเคยเห็นคำว่า Schema มาบ้าง แต่ยังไม่แน่ใจว่าใช้ยังไง หรือมีประโยชน์จริงไหม บทความนี้ผมจะพาไปทำความรู้จักกับ FAQ Schema ตั้งแต่พื้นฐาน ว่ามันคืออะไร ทำไมถึงสำคัญ และจะเริ่มต้นใช้งานได้ยังไงครับ
FAQ Schema คืออะไร
เวลาที่เราค้นหาใน Google ไม่ว่าจะเป็นคำถามง่าย ๆ อย่าง “ร้านกาแฟเปิดกี่โมง” หรือคำถามเชิงลึกอย่าง “ทำ SEO ยังไงให้ติดหน้าแรก” หลายครั้งเราจะเห็นว่ามี คำถาม–คำตอบ (FAQ) โผล่มาใต้ผลการค้นหาของบางเว็บไซต์ โดยที่ยังไม่ต้องคลิกเข้าไปอ่านในเว็บ นี่แหละครับคือผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ FAQ Schema
FAQ Schema (Frequently Asked Questions Schema) คือรูปแบบของโค้ดที่เราฝังลงไปในหน้าเว็บไซต์ เพื่อบอก Google ว่า “ในหน้านี้มีชุดคำถาม–คำตอบอยู่” และ Google ก็จะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปแสดงในหน้าผลการค้นหา (Search Engine Results Page – SERP) ในรูปแบบ Rich Results ได้ทันที

การที่ Google เข้าใจว่าหน้านี้มี FAQ อยู่ ไม่ได้ช่วยให้เว็บคุณติดอันดับสูงขึ้นทันที แต่ช่วยให้เว็บไซต์ โดดเด่นกว่าคู่แข่ง เพราะผลลัพธ์การค้นหาของคุณจะไม่ใช่แค่ลิงก์กับคำอธิบายสั้น ๆ แต่มีคำถาม–คำตอบที่ขยายออกมาให้คนเห็นชัดเจนตั้งแต่ในหน้า Google
ลองนึกภาพตามครับ ถ้าคุณเป็นผู้ใช้งานแล้วเจอเว็บหนึ่งที่มีคำถาม–คำตอบโผล่มา เช่น
- ร้านเปิดกี่โมง
- มีบริการส่งเดลิเวอรี่ไหม
- รับบัตรเครดิตหรือเปล่า
คุณจะรู้สึกว่าเว็บนี้ “ตอบโจทย์และน่าเชื่อถือ” กว่าเว็บที่เป็นแค่ข้อความธรรมดาใช่ไหมครับ? นี่แหละครับคือพลังของ FAQ Schema ที่ช่วยสร้าง ความสะดวกและความน่าสนใจ ให้กับผู้ค้นหาในทันที
พูดง่าย ๆ FAQ Schema ก็คือ ตัวช่วยแปลงคำถาม–คำตอบในเว็บคุณให้กลายเป็นข้อมูลที่ Google เข้าใจได้ และยกระดับผลการค้นหาให้เว็บคุณมีพื้นที่และโอกาสในการดึงดูดผู้ใช้งานมากขึ้นครับ
ทำไม FAQ Schema ถึงสำคัญสำหรับ SEO
- เพิ่มพื้นที่การแสดงผลใน Google
เว็บที่มี FAQ Schema จะได้พื้นที่มากกว่าผลลัพธ์ปกติ ทำให้ดูโดดเด่นกว่าเว็บคู่แข่ง - เพิ่ม CTR (Click-through Rate)
การที่ลูกค้าเห็นคำถาม–คำตอบตั้งแต่ในหน้า Google ช่วยดึงดูดความสนใจ และกระตุ้นให้กดเข้าเว็บมากขึ้น - ตอบโจทย์ User Experience
ลูกค้าได้รับคำตอบรวดเร็ว และถ้าอยากรู้รายละเอียดต่อ ก็คลิกเข้ามาอ่านได้ทันที - สร้างความน่าเชื่อถือ
เว็บไซต์ที่ให้คำตอบได้ตรงจุด มักถูกมองว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้

FAQ Schema ต่างจาก Q&A Schema ยังไง
แม้ว่า FAQ Schema และ Q&A Schema จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยบอก Google ว่า “ในหน้านี้มีคำถาม–คำตอบ” เหมือนกัน แต่ทั้งสองแบบมีจุดประสงค์และการใช้งานที่ต่างกันชัดเจนครับ
FAQ Schema
FAQ Schema (Frequently Asked Questions) ใช้กับหน้าเว็บที่เจ้าของเว็บไซต์เป็นผู้กำหนดคำถาม–คำตอบไว้ล่วงหน้า เช่น หน้า “คำถามที่พบบ่อย” (FAQ Page) ของร้านค้า คลินิก หรือบริษัทบริการต่าง ๆ
- คำถามและคำตอบจะมาจากเจ้าของเว็บเอง
- ไม่มีการเปิดให้ผู้ใช้งานเข้ามาตอบเพิ่ม
- เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการให้ลูกค้าเข้าใจข้อมูลสำคัญ เช่น เวลาทำการ วิธีการสั่งซื้อ หรือเงื่อนไขบริการ
ตัวอย่าง
- เว็บอีคอมเมิร์ซ: “วิธีชำระเงินทำอย่างไร?” / “ใช้เวลากี่วันในการจัดส่ง?”
- คลินิก: “ต้องนัดหมายล่วงหน้าหรือไม่?” / “มีบริการผ่อนชำระไหม?”

Q&A Schema
Q&A Schema (Question and Answer) ใช้กับหน้าเว็บที่เป็นพื้นที่เปิดให้ผู้ใช้หลายคนเข้ามาตั้งคำถามและตอบโต้กัน เช่น กระทู้ ฟอรั่ม หรือเว็บชุมชนออนไลน์
- มีคนถาม–ตอบหลายฝ่าย (ไม่ใช่เจ้าของเว็บเพียงคนเดียว)
- เหมาะกับเว็บไซต์ประเภทฟอรั่ม เช่น Pantip, Stack Overflow, Quora
- Google สามารถดึงคำตอบที่ดีที่สุดมาแสดงในหน้า Search ได้
ตัวอย่าง
- เว็บถาม–ตอบอย่าง Quora หรือ Stack Overflow
- กระทู้ใน Pantip ที่มีหลายความคิดเห็น และ Google อาจเลือกคำตอบที่ตรงที่สุดมาโชว์
วิธีเริ่มต้นทำ FAQ Schema สำหรับมือใหม่
- เตรียมคำถาม–คำตอบจริง
เช่น ถ้าคุณทำธุรกิจร้านกาแฟ คำถามอาจเป็น- “ร้านเปิดกี่โมง”
- “มีบริการส่งเดลิเวอรี่ไหม”
- “รับบัตรเครดิตหรือไม่”
- ใส่ข้อมูลในหน้าเว็บ
วางคำถาม–คำตอบให้อ่านง่าย ไม่ยัดเยียดเกินไป - เพิ่มโค้ด FAQ Schema
สามารถทำได้หลายวิธี เช่น- เขียนโค้ด JSON-LD เอง
- ใช้ปลั๊กอิน WordPress เช่น Rank Math, Yoast SEO
- ทดสอบด้วย Google Rich Results Test
เข้าไปที่ https://search.google.com/test/rich-resultsใส่ URL
ของหน้าเว็บ แล้วเช็กว่า Google อ่าน Schema ได้หรือไม่
<script type="application/ld+json">
{
"@context": "https://schema.org",
"@type": "FAQPage",
"mainEntity": [{
"@type": "Question",
"name": "ร้านกาแฟเปิดกี่โมง?",
"acceptedAnswer": {
"@type": "Answer",
"text": "ร้านเปิดทุกวัน เวลา 8.00 - 18.00 น."
}
},
{
"@type": "Question",
"name": "มีบริการส่งเดลิเวอรี่ไหม?",
"acceptedAnswer": {
"@type": "Answer",
"text": "มีบริการส่งผ่าน Grab และ Foodpanda ครับ"
}
}]
}
</script>
ข้อควรระวังในการใช้ FAQ Schema
- อย่าใส่คำถาม–คำตอบที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหน้าเว็บ
- หลีกเลี่ยงการใส่ข้อความขายตรงเกินไป เช่น “ซื้อเลย คลิกตรงนี้”
- คำถาม–คำตอบควรสั้น กระชับ และมีประโยชน์จริง ๆ
FAQ Schema ไม่ได้ทำให้อันดับเว็บพุ่งขึ้นทันที แต่เป็น “ตัวช่วย” ที่ทำให้เว็บไซต์คุณโดดเด่นขึ้นในผลการค้นหา เพิ่มโอกาสการคลิก และช่วยให้ลูกค้าได้คำตอบอย่างรวดเร็ว
สำหรับมือใหม่ SEO การเริ่มต้นด้วย FAQ Schema เป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้เว็บไซต์ดูน่าสนใจและแตกต่างจากคู่แข่งครับหรือหากต้องการปรึกษาหรือดูรายละเอียดบริการของเราเชิญทางนี้ได้เลยนะครับ
เขียน/เรียบเรียงโดย: บจก. มูฟออน มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
บริการรับทำ SEO https://www.moveonmarketing.com/seo
- LINE ID @moveonmarketing
- Facebook : มูฟออน มาร์เก็ตติ้ง
- Instagram : มูฟออน มาร์เก็ตติ้ง
- Twitter : MoveOnThailand
- Mobile : 064 989 9797
- Mail : [email protected]
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
Schema ไม่ได้ทำให้ติดอันดับทันที แต่ช่วยให้ Google เข้าใจเว็บคุณชัดเจนขึ้น