ไลฟ์ขายของสู่บทเรียนพลังของความจริงใจและอัลกอริทึม

ช่วงนี้ชื่อ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” กลับมาดังอีกครั้งครับ แต่ไม่ใช่เพราะดราม่าเหมือนก่อน คราวนี้เป็นเพราะ “ยอดขายทะลุ 200 ล้านบาทใน 4 วัน” จากไลฟ์ขายของที่เริ่มต้นด้วยน้ำตา แล้วจบด้วยรอยยิ้มของคนดูและเจ้าของแบรนด์ที่ของหมดตะกร้า

ในฐานะคนทำการตลาด ผมบอกเลยครับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ไวรัล แต่มันคือ เคสการตลาดจริง ที่น่าสนใจมาก เพราะมันรวมทุกอย่างไว้ครบ ความจริงใจของคนขาย, พลังของอัลกอริทึม และความเข้าใจคนดู

จากน้ำตาสู่ยอดขาย เมื่อความจริงใจคือเครื่องมือที่แรงกว่าทุกโฆษณา

จุดเริ่มต้นมาจากที่เจนนี่ขึ้นไลฟ์ต่อจากคุณแม่ “แม่เกตุ” เพื่อชี้แจงเรื่องราวที่สังคมพูดถึง ตอนนั้นไม่มีทีมงาน ไม่มีสคริปต์ครับ มีแค่โทรศัพท์เครื่องเดียวกับคำพูดที่ออกจากใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ยอดผู้ชมไลฟ์พุ่งขึ้นกว่า 300,000 คน และในจังหวะที่ทุกคนคิดว่าจะจบลงด้วยความเศร้า เธอกลับพูดขึ้นมาว่า

“หนูขอขายของได้มั้ยพี่?”

นั่นแหละครับ จุดเริ่มต้นของทุกอย่างเธอเปลี่ยนบรรยากาศจากน้ำตาเป็นพลังบวกในพริบตาผู้ชมไม่ได้รู้สึกว่าถูกขายของ แต่รู้สึกว่า “อยากช่วยคนที่พูดจากใจ” ผลคือยอดขายพุ่ง 24 ล้านบาทในวันแรก และรวมกว่า 200 ล้านในเวลา 4 วัน

จากน้ำตาสู่ยอดขาย เมื่อความจริงใจคือเครื่องมือที่แรงกว่าทุกโฆษณา

อัลกอริทึมไม่ได้รักใคร แต่มันรักสิ่งที่คนสนใจ

หลังจากนั้นมีคนทดลองโพสต์บน Facebook แล้วใส่คำว่า “เจนนี่” ท้ายโพสต์เล่น ๆ ผลคือยอด Reach เพิ่มจาก 8,000 ไปถึง 20,000 ภายในคืนเดียว โดยไม่ต้องบูสต์สักบาท มันแสดงให้เห็นครับว่า “อัลกอริทึมไม่ได้เลือกโพสต์ที่ดีที่สุด แต่มันเลือกโพสต์ที่คนอยากเห็นที่สุด”

ในช่วงที่ชื่อ “เจนนี่” กำลังถูกพูดถึงทั่วโซเชียล ระบบของ Facebook และ TikTok จะจับสัญญาณจากคำที่มี Engagement สูง
แล้วดันเนื้อหานั้นขึ้นไปให้คนเห็นมากขึ้นโดยอัตโนมัติ พูดง่าย ๆ ครับ มันไม่ได้เกี่ยวกับดวง แต่มันเกี่ยวกับ จังหวะและความสนใจของคน ซึ่งก็คือหลักเดียวกับการทำ SEO บน Google เลยครับ

อัลกอริทึมไม่ได้รักใคร แต่มันรักสิ่งที่คนสนใจ

สิ่งที่ธุรกิจควรเรียนรู้จาก “เจนนี่ฟีเวอร์”

ความจริงใจขายของได้ดีกว่าคำโฆษณา

ทุกวันนี้คนดูคอนเทนต์มากมาย แต่ ความสนใจ ของพวกเขาสั้นลงกว่าที่เคยครับ คุณอาจใช้คำขายที่หรูที่สุดได้ แต่ถ้ามันไม่ตรงจากใจ คนก็รู้ได้ทันที สิ่งที่เจนนี่ทำให้เห็นคือ เธอไม่พูดเพื่อขาย แต่พูดเพราะอยากเล่า

ความจริงใจนั้นทำให้คน เชื่อ ไม่ต้องพูดเยอะ ไม่ต้องมีเอฟเฟกต์ใด ๆ แค่พูดจากใจ ก็กลายเป็นพลังทางการตลาดที่เงินซื้อไม่ได้ลูกค้าสมัยนี้ไม่ได้ต้องการแบรนด์ที่เพอร์เฟ็กต์ แต่ต้องการ “คนจริง” ที่เขารู้สึกเข้าถึงได้ และความจริงใจนี่แหละครับ ที่ทำให้แบรนด์มีพลังมากกว่าคำโฆษณาไหน ๆ

2. คอนเทนต์ที่ดี ต้องออกมาตรงเวลา

เนื้อหาที่ดีจะไม่มีค่าเลย ถ้ามาช้าเกินไปครับในโลกออนไลน์ จังหวะ สำคัญกว่า ความสมบูรณ์ สิ่งที่เจนนี่ทำไม่ใช่แผนล่วงหน้า แต่คือ สัญชาตญาณของคนเข้าใจคน เธอพูดในเวลาที่คนกำลังสนใจฟัง และพูดในแบบที่เขาอยากฟัง

หลายแบรนด์เสียโอกาสเพราะรอให้ทุกอย่างพร้อมก่อนแต่ระหว่างที่รอ คู่แข่งที่กล้าเริ่มก่อนกลับได้ไวรัลไปแล้วอย่ากลัวคอนเทนต์ไม่สมบูรณ์ครับเพราะบางที “โพสต์ที่เรียบง่ายแต่ตรงจังหวะ” อาจสร้างผลลัพธ์ได้ดีกว่าโพสต์ที่คิดเป็นสัปดาห์

3. อัลกอริทึมคือเพื่อน ถ้าเราเข้าใจมัน

หลายคนมองว่าอัลกอริทึมคือศัตรู แต่จริง ๆ แล้วมันคือ เพื่อนที่ซื่อสัตย์ ครับ ระบบไม่ได้เกลียดคุณ มันแค่รักสิ่งที่คนชอบ เจนนี่เข้าใจตรงนี้ เธอพูดในสิ่งที่คนกำลังพูดถึง ใช้ภาษาที่เข้าถึงง่าย และคอนเทนต์ที่คนอยากมีส่วนร่วม
นั่นทำให้ระบบอ่านพฤติกรรมแล้ว “ผลักเธอขึ้นฟีดเองโดยอัตโนมัติ”

อัลกอริทึมในทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Facebook, TikTok หรือ Google มีเป้าหมายเดียวกันคือ ทำให้คนใช้เวลามากขึ้นกับสิ่งที่พวกเขาสนใจ ดังนั้น ถ้าเรารู้ว่าระบบชอบอะไร และคนอยากเห็นแบบไหน เราก็ไม่ต้องเสียเงินมากเพื่อให้คนเห็นโพสต์ของเราเลยครับ

4. อย่าทำคอนเทนต์เพื่อตัวเอง แต่ให้ทำเพื่อคนดู

หลายแบรนด์พลาดตรงนี้ครับ คือคิดจากมุมของตัวเองมากเกินไป อยากเล่าว่า เราดีแค่ไหน หรือ เราทำอะไรได้บ้าง แต่ลืมตอบคำถามง่าย ๆ ว่า แล้วคนดูจะได้อะไรจากสิ่งนี้ เจนนี่ไม่ได้พูดถึงตัวเองเลยในตอนนั้น

เธอพูดถึงสิ่งที่คนกำลังคิด พูดถึงสิ่งที่คนอยากฟัง นั่นแหละคือความแตกต่างระหว่าง แบรนด์ที่พูดกับตัวเอง กับ แบรนด์ที่พูดกับคน ถ้าอยากให้คอนเทนต์โดนใจ อย่ามองจากมุมของแบรนด์ ให้มองจากมุมของคนที่กำลังเลื่อนหน้าจออยู่ตรงนั้นแทนครับ

5. อย่ากลัวการเริ่มต้นแบบไม่สมบูรณ์

สิ่งที่ผมชอบที่สุดในเรื่องนี้คือ เจนนี่ ไม่รอให้พร้อม ไม่มีทีม ไม่มีสคริปต์ ไม่มีโปรดักชันใหญ่โต แต่เธอเริ่มเลยครับ แล้วค่อยเรียนรู้ระหว่างทางหลายธุรกิจกลัวจะผิดพลาด กลัวโพสต์ไม่สวย กลัวภาพไม่เป๊ะ แต่ในโลกออนไลน์

ความเร็วและความจริงใจสำคัญกว่าความเพอร์เฟ็กต์เสมอทุกคอนเทนต์คือการทดลองถ้าคุณไม่เริ่มลงสนาม คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าคนอยากฟังอะไร

เรา MoveOn Marketing มองปรากฏการณ์นี้อย่างไร

จากมุมของนักการตลาด ผมเห็นชัดเลยครับว่า เจนนี่ไม่ได้แค่ขายของ แต่ ขายความจริงใจ ที่เชื่อมต่อกับระบบได้พอดี
เธอไม่พยายามทำให้เพอร์เฟ็กต์ แต่ทำให้ คนเชื่อ

ทุกวันนี้อัลกอริทึมของทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะ Facebook, TikTok หรือ Google ต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือ ให้คนดูสิ่งที่อยากดูมากที่สุด ดังนั้นถ้าแบรนด์ของคุณพูดด้วยความจริงใจ มีประโยชน์ และออกมาในจังหวะที่ใช่ ระบบจะช่วยคุณเองครับ

สิ่งที่เราทำใน MoveOn คือช่วยลูกค้าทำให้คอนเทนต์พูดได้ทั้ง “ภาษาคน” และ “ภาษาระบบ” เพราะการตลาดออนไลน์ที่ยั่งยืนไม่ใช่แค่ทำให้คนเห็นเยอะ แต่ต้องทำให้ “คนรู้สึกว่าอยากฟังคุณต่อ”

เรา MoveOn Marketing มองปรากฏการณ์นี้อย่างไร

200 ล้านไม่ได้มาจากโชค แต่มาจากความเข้าใจ

เจนนี่ 200 ล้าน ไม่ใช่แค่เรื่องของชื่อเสียงหรือดราม่า แต่มันคือบทเรียนเรื่อง ความเข้าใจในพฤติกรรมของคน และ จังหวะของอัลกอริทึม ใครที่เข้าใจสองอย่างนี้พร้อมกัน จะอยู่เหนือกว่าคู่แข่งเสมอครับเพราะคุณไม่ต้องจ่ายเพื่อให้ระบบเห็น แต่ระบบจะเลือกคุณเอง

และนี่แหละครับคือสิ่งที่ MoveOn Marketing เชื่อมั่นมาตลอด ไม่ใช่การพาแบรนด์ให้ ดังชั่วข้ามคืน แต่สร้างให้แบรนด์ อยู่ในใจคน อย่างยั่งยืน ถ้าอยากให้ทีมมืออาชีพช่วยวางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ให้แบรนด์ของคุณพูดได้ทั้ง “ภาษาคน” และ “ภาษาระบบ” MoveOn Marketing พร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางครับ สามารถดูรายละเอียดบริการของเราได้ที่หน้าเว็บไซต์ https://www.moveonmarketing.com/

เขียน/เรียบเรียงโดย: บจก. มูฟออน มาร์เก็ตติ้ง จำกัด