ทุกครั้งที่เข็มเวลาเดินไปข้างหน้า Google เองก็เดินหน้าพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน วิธีการทำให้ SEO ติดอันดับหน้าแรกของ Google ต้องอาศัยความเข้าใจรูปแบบที่หลากหลาย องค์ประกอบหรือขั้นตอนในการทำก็เปลี่ยนแปลงไปตามการพัฒนาของ Google ที่ต้องการแสดงผลการจัดอันดับที่ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงของเนื้อหาต่างๆ ในบทความ รวมถึงข้อมูลและความรู้ตลอดจนเทคนิคในการทำ SEO นั้นมีมากมาย กลยุทธ์มากมายที่ถูกเติมเต็มลงไปในโลกออนไลน์นั้นก็มีอยากอย่างแพร่หลาย สามารถศึกษาค้นคว้าเทคนิคต่างๆ ได้อยู่ตลอดเวลาจะให้ใช้เวลาทั้งปีก็ไม่สามารถอ่านความรู้ทั้งหมดได้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่จะทำให้คุณนั้นก้าวหน้าคือการลงมือทำเท่านั้น
เมื่อเริ่มก้าวเข้ามาทำงานเกี่ยวกับ SEO สิ่งที่หลายๆคนนั้นมองข้ามมันไป และเลือกที่จะจัดอันดับในการเรียนรู้ไว้ท้ายสุดก็คือเรื่องของ Google SERP จึงทำให้มือใหม่หลายคนสงสัยว่า SERP คืออะไร และสำคัญกับ SEO มากขนาดไหน เรามาทำความรู้จักไปพร้อมๆ กันดีกว่า
ความหมายของ SERP และสิ่งที่ควรรู้
![Serp Search Engine Results Page](https://www.moveonmarketing.com/wp-content/uploads/2021/08/Serp-1024x683.png)
SERP ย่อมาจาก Search Engine Results Page ซึ่งก็คือเครื่องมือการแสดงอันดับบน Search Engine ถ้าแปลความหมายอย่างตรงตัว Google SERP อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือหน้าเว็บ Google ที่แสดงผลการค้นหา เมื่อเราพิมพ์หาข้อมูลต่างๆ รายการของหน้าเว็บที่แสดงบน Google จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้
- Organic SERP Listings – เป็นการแสดงผลลัพธ์ที่แสดงตามการจัดอันดับตามธรรมชาติ
- Paid SERP Listing – ผลลัพธ์ที่แสดงโดยการโฆษณากับ Google หรือที่เรียกว่า Sponsored Links
การวิเคราะห์ SERPs เพื่อทำ SEO
เมื่อคุณต้องการที่จะเป็นระดับอาชีพของการทำ SEO การวิเคราะห์ SERPs เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างมาก โดยทั่วไปการวิเคราะห์ SERPs มักหมายถึงการดูรายละเอียดในเชิงลึก ใช้ดูการเคลื่อนไหวของผลอันดับลิงค์ที่แสดงในหน้าแรกของ Google (อันดับ 1 – 10) ใน (Keyword) คำหลักที่เราค้นหา สามารถช่วยให้เราเจาะข้อมูลเชิงลึกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น รู้สึกหลักการและสาเหตุที่ลิงค์เหล่านั้นติดอันดับ
เรื่องสำคัญที่มักได้จากการวิเคราะห์ SERPs มีดังนี้ Page Authority (PA), Domain Authority (DA), คีย์เวิร์ด, Page Rank เป็นต้น สามารถเลือกเครื่องมือในการดูได้ มีตั้งแต่แบบที่ต้องเสียเงินซื้อและแบบฟรี ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นก็จะไม่ค่อยแตกต่างกันมากเท่าไหร่
เครื่องมือ (ฟรี) สำหรับเช็ค SERPs
![SEOQUAKE](https://www.moveonmarketing.com/wp-content/uploads/2021/08/seoquakes.png)
![](https://www.moveonmarketing.com/wp-content/uploads/2022/03/moz-1024x683.png)
การใช้ SERPs เพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูลคู่แข่ง
SERPs ช่วยให้เราประเมินความคุ้มค่าในการเข้าร่วมแข็งขันได้ เนื่องจากเป็นการวิเคราะห์คู่แข็ง เพื่อทำการประเมินตัวเองว่าสามารถสู่ไหวหรือไม่ การประเมินแบบเจาะลึก สามารถช่วยให้เราเก็บข้อมูลและนำไปต่อยอดได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งจะคลิกดูแต่ละอันดับ และเริ่มเก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ทำการวิเคราะห์ว่าทำไมเว็บไซต์นี้หรือเพจนี้ถึงติดอันดับ? นอกจากนี้ยังเป็นการค้นหาแนวคิดแบบใหม่ในการนำไปใช้ กับเว็บไซต์ของตัวเองด้วย สิ่งที่สนใจเป็นพิเศษมีดังนี้
- การตั้งชื่อ (Title)
- การเขียนคำอธิบาย Meta Description
- ตำแหน่งคำหลัก การวาง Keyword ในตำแหน่งต่างๆ
- เนื้อหาของบทความ
- ขนาดความยาวของเนื้อหา
- โครงสร้างของบทความ
- โครงสร้างของเว็บไซต์ทั้งหมด
- Links เข้า Links ออก วางไว้ตำแหน่งไหนบ้าง
- องค์ประกอบอื่น ๆ เช่น รูปภาพ ,คลิป ,โซเชียล
ไม่มีใครสามารถทำเรื่องที่ไม่ถนัดได้ตั้งแต่ครั้งแรก ทุกครั้งที่จะเริ่มทำอะไรสักอย่างมนุษย์เราก็มักจะมองหาตัวอย่างอยู่เสมอ เมื่อต้องการเรียนรู้เรื่อง สิ่งที่สอนเราได้ดีที่สุดคือมีครูสอน แต่สิ่งที่เรากำลังเรียนรู้อยู่ในขนาดนี้ไม่มีครูสอน ต้องทำความเข้าใจด้วยตัวเอง ถ้าอยากเก่ง ต้องหมั่นจดจำ คอยสังเกต และนำไปปฏิบัติ ผิดบ้างถูกบ้าง และเราจะเก่งขึ้นมาเอง โดยใช้วิธี “ครูพักลักจำ”
สอบถามบริการเพิ่มเติม
สำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับ SEO ก็เหมือนกับเรื่องที่ได้เขียนไปข้างต้น. ดูจากคนที่ประสบความสำเร็จ (ผลลัพธ์ของ SERPs) แล้วเอามาเป็นแม่แบบหรือตัวอย่าง เริ่มทำการค้นหาแนวคิดแบบใหม่ วิเคราะห์ นำข้อมูลต่างๆมาเปรียบเทียบ ลงมือทำจริง เท่านี้ก็ช่วยให้เราเข้าใจเกี่ยวกับ Google มากขึ้น อย่างน้อยที่สุดเราก็ได้รู้จักคู่แข่งของเรามากกว่าเดิม
![](https://www.moveonmarketing.com/wp-content/uploads/2021/08/overvirews-1024x683.png)
การนำเอาผลจาก SERPs มาวิเคราะห์ เป็นขั้นตอนพื้นฐานในการเริ่มทำ SEO เลยก็ว่าได้ โดยพื้นฐานแล้วอาจเป็นเพียงการดูวิธีปรับแต่ง Onpage ของคู่แข่ง แต่เมื่อเริ่มมีความชำนาญมากขึ้นแล้วก็ลองขยับ เจาะลงในรายละเอียด ทั้ง Content ทั้ง Web Structure และตัว Onpage SEO เอง ก่อนจะเริ่มตั้งคำถามและข้อสังเกตที่เราได้เห็นมา เริ่มหาคำตอบให้คำถามเหล่านั้น ก่อนที่จะลงมือปรับใช้ให้เหมาะกับงานของตัวเอง วิธีนี้สามารถทำให้เราเห็นถึงผลลัพธ์ได้ดียิ่งกว่าการอ่านทฤษฎี เข้าไปเรียนรู้เสริมพื้นฐาน แต่ไม่ลงมือปฏิบัติ