หลายธุรกิจเมื่อคิดจะสร้างเว็บไซต์ใหม่ มักโฟกัสไปที่ดีไซน์ ความสวยงาม และการทำให้เว็บดูน่าเชื่อถือ แต่กลับมองข้ามเรื่องการทำ SEO ไปก่อน เพราะเชื่อว่าค่อยมาเริ่มทำทีหลังก็ยังทัน แต่ในความเป็นจริง นั่นอาจเป็น “กับดัก” ที่ทำให้เสียทั้งเวลา เงิน และโอกาสในการแข่งขัน เพราะ SEO ไม่ใช่ขั้นตอนเสริม แต่เป็นสิ่งที่ควรเริ่มทำตั้งแต่วันที่วางแผนพัฒนาเว็บไซต์
SEO ไม่ใช่งานเสริม แต่คือรากฐานของเว็บไซต์
การทำเว็บไซต์โดยไม่คิดถึง SEO เหมือนกับการสร้างบ้านโดยไม่มีรากฐาน บ้านอาจดูสวยในตอนแรก แต่เมื่ออยากต่อเติมหรือใช้งานจริง กลับต้องรื้อและเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่นเดียวกับเว็บไซต์ ถ้าทำเว็บเสร็จแล้วค่อยมาปรับ SEO คุณจะต้องแก้ไขโครงสร้าง URL, ปรับโค้ด, ย้ายเนื้อหา และเขียนคอนเทนต์ใหม่เกือบทั้งหมด ซึ่งสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น

ทำ SEO ไปพร้อมกับการพัฒนาเว็บไซต์ ดีกว่ายังไง
- วางโครงสร้างเว็บถูกตั้งแต่ต้น
SEO ช่วยให้คุณรู้ว่าควรสร้างหมวดหมู่, เมนู และหน้าเพจอย่างไร ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ควรแยกหน้า “ตู้เย็น”, “ทีวี”, “เครื่องซักผ้า” พร้อมใส่คีย์เวิร์ดที่ลูกค้าค้นหาจริงตั้งแต่แรก - คอนเทนต์ตรงกับความต้องการของลูกค้า
การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดจะบอกเราว่าลูกค้าค้นหาอะไร เช่น แทนที่จะมีแค่ “หน้าโฮม” และ “หน้าเกี่ยวกับเรา” เว็บไซต์ควรมีหน้า “บริการ SEO ราคาถูก” หรือ “คู่มือเริ่มต้นทำ Google Ads” เพื่อให้ตรงกับสิ่งที่คนค้น - ประหยัดงบประมาณในระยะยาว
ถ้าทำเว็บเสร็จแล้วค่อยทำ SEO มักต้องจ้างแก้โครงสร้าง แก้โค้ด และเขียนเนื้อหาใหม่ ซึ่งเสียทั้งเงินและเวลา การทำไปพร้อมกันช่วยให้การลงทุนครั้งเดียวคุ้มค่ามากกว่า - สร้างโอกาสให้เว็บติดอันดับเร็วกว่า
เว็บไซต์ใหม่ที่เริ่มทำ SEO ตั้งแต่ต้น จะทำให้ Google เริ่มเก็บข้อมูล (Index) ได้เร็วขึ้น ยิ่งเว็บถูกเก็บข้อมูลเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสไต่อันดับได้เร็ว
ถ้าทำ SEO หลังจากเว็บเสร็จ จะเจอปัญหาอะไร
- โครงสร้าง URL ไม่รองรับ SEO ต้องเปลี่ยนใหม่ ทำให้เสียลิงก์ที่เคยแชร์ไปแล้ว
- คอนเทนต์ไม่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าค้นหา ต้องมาเพิ่มหรือเขียนใหม่ยกชุด
- เว็บโหลดช้าเพราะไม่คิดเรื่อง Performance ตั้งแต่แรก ทำให้เสียคะแนน Core Web Vitals
- เสียโอกาสให้คู่แข่ง คู่แข่งที่เริ่มทำ SEO ก่อน แม้เพียงไม่กี่เดือน ก็อาจแซงและครองอันดับไปก่อน

ตัวอย่างจริงจากธุรกิจ
- ธุรกิจ A เริ่มทำเว็บไซต์โดยคิดถึง SEO ตั้งแต่แรก วางโครงสร้างให้ตรงกับคีย์เวิร์ดหลักและเขียนคอนเทนต์ไปพร้อมกัน ผลคือเพียง 3–6 เดือนก็เริ่มมีทราฟฟิกจาก Google
- ธุรกิจ B ทำเว็บไซต์เสร็จก่อนแล้วค่อยทำ SEO ปรากฏว่าต้องเสียเวลาแก้ไขทั้ง URL, Layout, และเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ ใช้เวลานานกว่าจะเริ่มเห็นผล และถูกคู่แข่งแซงไปก่อน
แนวทางการทำ SEO ควบคู่ไปกับการพัฒนาเว็บไซต์
- เริ่มจากวิเคราะห์คีย์เวิร์ด หาคำที่ลูกค้าใช้ค้นหา เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการตั้งชื่อเมนูและเพจ
- ออกแบบ Sitemap ตามคีย์เวิร์ด ให้เว็บไซต์มีโครงสร้างชัดเจน และ Google เข้าใจได้ง่าย
- ทำ On-page SEO ตั้งแต่แรก ใส่ Title, Meta Description, และ Heading ให้รองรับ SEO
- เขียนคอนเทนต์ให้ครบทุกหน้า ไม่ใช่แค่หน้า “เกี่ยวกับเรา” แต่ควรมีคอนเทนต์ที่ตอบคำถามลูกค้าด้วย
- ปรับ Performance และความเร็วเว็บ เว็บไซต์ที่โหลดเร็ว มีผลต่อ SEO และประสบการณ์ผู้ใช้โดยตรง
ทำ SEO ไปพร้อมกับการพัฒนาเว็บไซต์ ไม่ได้เป็นเพียงการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย แต่คือการสร้าง รากฐานที่มั่นคง ให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ได้ตั้งแต่ต้น ธุรกิจที่เริ่มทำ SEO ตั้งแต่วันแรกจะได้เปรียบคู่แข่ง ทั้งในแง่การมองเห็นและโอกาสในการสร้างลูกค้าใหม่
พูดได้เลยว่า SEO ไม่ใช่งานที่ทำทีหลัง แต่ควรเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่แรก ถ้าอยากให้เว็บไม่ใช่แค่สวย แต่ยังเป็นเครื่องมือการตลาดที่สร้างรายได้จริง ดูรายละเอียดบริการทางนี้ครับ https://www.moveonmarketing.com/seo
เขียน/เรียบเรียงโดย: บจก. มูฟออน มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
- LINE ID @moveonmarketing
- Facebook : มูฟออน มาร์เก็ตติ้ง
- Instagram : มูฟออน มาร์เก็ตติ้ง
- Twitter : MoveOnThailand
- Mobile : 064 989 9797
- Mail : [email protected]