Keyword Research ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการทำ SEO ซึ่งหลายครั้งที่ทำ SEO มักจะนำเสนอคีย์เวิร์ดที่ขาดคุณภาพ ไม่มีปริมาณการค้นหา หรือมีการแข่งขันที่ไม่เหมาะสม นำมาใช้เป็นรายงานให้กับลูกค้า ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ในบทความนี้ จะอธิบายถึงความหมายของ Keyword Research ที่มีคุณภาพ พร้อมแนวทางการเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจ และวิธีการใช้เครื่องมือวิจัยคีย์เวิร์ด (Keyword Research Tools) รวมถึงแนวคิดในการหาคีย์เวิร์ดที่น่าสนใจสำหรับการทำ SEO
Keyword Research คืออะไร
Keyword Research หมายถึง กระบวนการค้นหาคำหรือวลีที่ผู้ใช้งานใช้ค้นหาข้อมูล สินค้า บริการ หรือเนื้อหาบนเครื่องมือค้นหา (Search Engine) เช่น Google, Bing, หรือ YouTube และนำมาวิเคราะห์เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์และสร้างกลยุทธ์คอนเทนต์ให้เหมาะสม
นักทำ SEO ทำ Keyword Research เพื่อหาคำตอบในประเด็นสำคัญต่อไปนี้
- ปริมาณคำค้นหาต่อเดือน (Search Volume) ของคีย์เวิร์ดที่ต้องการทำอันดับ
- ระดับการแข่งขันของคีย์เวิร์ด (Keyword Difficulty)
- วางแผนและกำหนดกลยุทธ์คอนเทนต์ เพื่อเพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์
- หาคีย์เวิร์ดที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจ (Prioritizing Keywords)
ตัวอย่างเช่น หากมีผู้ใช้งานค้นหาคำว่า “ประกันรถยนต์” คำนี้จะถือว่าเป็น คีย์เวิร์ด ที่ควรนำมาใช้ในกลยุทธ์ SEO หากพบว่ามีปริมาณการค้นหาและระดับการแข่งขันที่เหมาะสม
ความสำคัญของ Keyword Research ในการทำ SEO
แม้ว่า Keyword Research จะเป็นขั้นตอนที่ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการ SEO แต่ผู้เริ่มต้นทำ SEO หลายคนยังขาดความเข้าใจ และมักจะเลือกคีย์เวิร์ดตามความรู้สึกหรือความเชื่อส่วนตัวโดยไม่มีการวิเคราะห์ที่เพียงพอ ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ตรงตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นการสูญเสียเวลาและทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์
ตัวอย่างเช่น
- หากคุณเลือกคีย์เวิร์ดที่ไม่มีปริมาณการค้นหาที่มากพอ ถึงแม้ว่าคุณจะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับแรกในหน้า Google แต่ก็ไม่สามารถดึงดูดผู้เข้าชมได้เพียงพอ
- หากคีย์เวิร์ดที่เลือกมีการแข่งขันที่สูงเกินไป ก็อาจทำให้คุณไม่สามารถแข่งขันกับเว็บไซต์ที่แข็งแกร่งกว่าได้
การทำ Keyword Research ช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและความต้องการของผู้ใช้ในการค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพได้
ประเภทของคีย์เวิร์ด
คีย์เวิร์ดแบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่ในบทความนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก
Head Terms
คีย์เวิร์ดที่มีความหมายกว้างและมักมีปริมาณการค้นหาสูง เช่น “ประกัน” ถึงแม้ว่าคีย์เวิร์ดประเภทนี้จะมีปริมาณการค้นหามาก แต่กลับไม่สามารถระบุความต้องการของผู้ค้นหาได้อย่างชัดเจน และมักจะมีอัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้าน้อยกว่า
Body Keywords
คีย์เวิร์ดที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงมากขึ้น มักประกอบด้วยคำ 2-3 คำ เช่น “ประกันรถยนต์ราคาถูก” คีย์เวิร์ดประเภทนี้ช่วยระบุความต้องการของผู้ค้นหาได้ดีขึ้น และมีโอกาสเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้ามากกว่า
Long Tail Keywords
คีย์เวิร์ดที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงมากที่สุด ประกอบด้วยคำมากกว่า 4 คำ เช่น “วิธีเลือกประกันรถยนต์ที่คุ้มค่า” คีย์เวิร์ดประเภทนี้มีปริมาณการค้นหาน้อย แต่กลับมีอัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้าสูง เนื่องจากผู้ค้นหามีความตั้งใจที่ชัดเจน
เครื่องมือวิจัยคีย์เวิร์ด (Keyword Research Tools)
เครื่องมือวิจัยคีย์เวิร์ดเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ปริมาณการค้นหา การแข่งขัน และต้นทุนค่าเฉลี่ยในการโฆษณา (CPC) ของคีย์เวิร์ด ซึ่งช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับกลยุทธ์ SEO ของคุณ โดยเครื่องมือที่ได้รับความนิยมากในตอนนี้
- Google Keyword Planner เครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการหาคีย์เวิร์ดฟรี สามารถดูปริมาณการค้นหาและความยากง่ายของคีย์เวิร์ดได้ง่ายๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม (https://ads.google.com/home/tools/keyword-planner/) - Ubersuggest เครื่องมือที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ในการทำ SEO และการค้นหาคีย์เวิร์ด
- Ahrefs เครื่องมือที่ใช้สำหรับการวิจัยคีย์เวิร์ดเชิงลึกและการวิเคราะห์การแข่งขัน ช่วยให้เห็นภาพรวมของคีย์เวิร์ดและ Backlink ของคู่แข่ง
- Moz เครื่องมือ SEO ที่ครอบคลุมทั้งการวิจัยคีย์เวิร์ดและการวิเคราะห์การจัดอันดับ Moz มีฟีเจอร์ Keyword Explorer ซึ่งช่วยให้คุณค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ความยากง่ายของคีย์เวิร์ด และดูศักยภาพของคีย์เวิร์ดในการเพิ่ม Organic Traffic
- KWFinder เครื่องมือที่เน้นการวิจัยคีย์เวิร์ดที่ใช้งานง่าย สามารถค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาดีและมีการแข่งขันต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการหาคีย์เวิร์ด Long Tail Keyword เพื่อนำมาใช้ในการทำ SEO
วิธีเลือกคีย์เวิร์ดที่มีคุณภาพ
การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำ SEO วิธีการคัดเลือกคีย์เวิร์ดมีดังนี้
- เลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับสินค้าและบริการของคุณก่อน เช่น “รับทำเว็บไซต์”
- ตรวจสอบปริมาณการค้นหาของคีย์เวิร์ด ควรมีปริมาณอย่างน้อย 1,000 ค้นหาต่อเดือน
- เลือกคีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ค้นหา เช่น “บ้านน็อคดาวน์ราคาถูก”
- ตรวจสอบความยากง่ายของคีย์เวิร์ดด้วยการวิเคราะห์อันดับของคู่แข่งในหน้าผลลัพธ์การค้นหา
- เน้นคีย์เวิร์ดที่เป็น Buyer’s Keywords เช่น คำที่มีคำว่า “ราคา” หรือ “รีวิว” เพื่อเพิ่มโอกาสในการแปลงผู้เข้าชมเป็นลูกค้า
สรุป Keyword Research
Keyword Research เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการทำ SEO ที่มีคุณภาพ การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถสร้างกลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ทั้งการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ และการสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ หากคุณยังไม่เคยทำ Keyword Research ขอแนะนำให้เริ่มจากขั้นตอนนี้ก่อนเสมอ
หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ Keyword Research หรือการทำ SEO สามารถสอบถามได้จากคำถามที่พบบ่อยด้านล่าง