7 สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดกับ Lookalike Audience

หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า Loolalike Audience คือการค้นหากลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันกับกลุ่มเป้าหมายหลักที่เรามีอยู่ มันเป็นการหากกลุ่มเป้าหมายแบบใหม่ที่ผู้คนกำลังจะให้ความสนใจอย่างมาก และมีวิธีการสร้างรวมไปถึงการตั้งค่าต่างๆ นานามากมาย บางคนอาจเข้าใจการทำงานของมันดี บางคนอาจยังไม่เข้าใจ หรือบางคนก็อาจมีการเข้าใจวิธีการทำงานผิดไปจากข้อเท็จจริง วันนี้เราได้รวบรวมสิ่งที่หลายคนมักเข้าใจผิดกับ

Lookalike Audience มาเรียบร้อยแล้ว หากคุณต้องการเพิ่มการขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีแล้วล่ะก็ สามารถศึกษาจากข้อมูลที่เรารวบรวมไว้ในบทความนี้กันได้เลย

1. Lookalike Audience เปอร์เซ็นต์น้อยยิ่งดี

ส่วนมากจะเข้าใจกันว่า Lookalike Audience ที่ดีที่สุดหรือเข้มข้นได้ผลมากที่สุดคือ 1 % จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยทีเดียว แต่คุณจะทราบได้อย่างไรว่า เปอร์เซ็นต์ที่มากกว่า 1 เช่น 2-5 % ของ Lookalike Audience ไม่ดี เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรตัดสินได้ จนกว่าคุณจะทำการทดสอบแต่ละเปอร์เซ็นต์ว่าแบบไหนได้ผลดีสุด เพราะฉะนั้นอย่าพึ่งตัดสินเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่าหนึ่ง ว่ามันจะไม่ได้ผล แถมมันยังมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย ลองทำโฆษณาทดสอบดู เพื่อจะไม่เป็นการกลุ่มเป้าหมายไป

2. ยิ่งมีข้อมูลมาก Lookalike Audience จะยิ่งได้ผล

อยากให้คุณเข้าใจใหม่ว่าข้อมูลที่มาไม่ดีเท่าข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ การที่เรามีข้อมูลที่มีประโยชน์และมีคุณภาพ จะช่วยให้การสร้าง Lookalike Audience ได้ผลดียิ่งขึ้น เพราะหลักการทำงานของมันคือ การหากลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมคล้ายกับกลุ่มเป้าหมายหลัก หากเรามีข้อมูลกลุ่มเป้าหมายหลักที่มีคุณภาพ ระบบก็จะค้นหาได้แม่นยำและได้ผลมากขึ้น

3. สร้างจากกลุ่มข้อมูลที่หลากหลายได้

จริงๆ แล้ว เราสามารถสร้าง Lookalike Audience ได้เพียงแค่ 1 จากข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่เรามี เพราะฉะนั้นอยากแนะนำให้คุณ แยกกลุ่มเป้าหมายออกเป็นกลุ่ม ว่ากลุ่มไหนมีคุณภาพและเหมาะกับการนำมาสร้าง Lookalike Audience ที่สุด 

4. ใช้ข้อมูลเดิม สร้าง Lookalike Audience เสมอ

จากการที่เราแบ่งกลุ่มของฐานข้อมูลลูกค้าไว้อยู่แล้ว คุณก็สามารถลองสร้าง Lookalike Audience จากฐานข้อมูลที่คุณมี เพราะหากการที่ใช้แต่ข้อมูลเดิมๆ ก็จะทำให้คุณได้กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันแค่กลุ่มเดิม ไม่มีการขยายใหม่ การใช้กลุ่มเป้าหมายที่เราแบ่งไว้ ก็เป็นการหากลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันใหม่ๆ ได้ จะได้เป็นการลองอะไรใหม่ๆ ไปด้วย

5. กลุ่มเป้าหมายที่สร้างเสร็จจะเป็นกลุ่มเดิมตลอดไป

ขอบอกตรงนี้เลยว่า กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันของ Lookalike Audience จะเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ก็ต่อเมื่อ คุณใส่ข้อมูลใหม่ลงไป แต่ขนาดของ Lookalike Audience จะไม่เปลี่ยน เปลี่ยนเพียงแค่ข้อมูลของกลุ่มเป้าหมาย และมันจะเปลี่ยนไปตามข้อมูลของต้นทางเรื่อยๆ

6. Core Audience ไม่ดีเท่า Loolalike Audience

เรื่องนี้บอกเลยว่าไม่ถูกต้องนัก เพราะความจริงไม่มีอะไรดีไปกว่าอะไร ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน แต่ทั้งสองก็มีจุดประสงค์คล้ายๆ กันคือ ช่วยในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ แตกต่างเพียงแค่วิธีการทำงานเท่านั้น Lookalike Audience จะมีความแม่นยำกว่า แต่มีข้อจำกัดที่มากมาย และเป็นการขยายฐานลูกค้าในเชิงลึก แต่ Core Audience เป็นการค้นหากลุ่มเป้าหมายใหม่ที่คุณมีอิสระอย่างมากมาย คุณจะตั้งกลุ่มเป้าหมายแบบใดก็ได้ เป็นการขยายฐานลูกค้าในทางกว้าง

7. ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไหร่ ปริมาณของ Lookalike Audience จะเพิ่มมากขึ้น

แม้ว่าขนาดของกลุ่มเป้าหมายหลักของคุณ จะเพิ่มขึ้น แต่ขนาด Lookalike Audience จะยังมีขนาดเท่าเดิม เพราะขนาด Lookalike Audience จะคำนวนจาก ผู้ใช้ทั้งหมดของประเทศหรือภูมิภาคที่เราเลือกเป็นฐาน ต่อให้มีคนกดไลค์เพจคุณ 1 ล้านคนก็จะเป็นจำนวนของประชากรที่ใช้งาน Facebook ของประเทศหรือภูมิภาคนั้นๆ จะไม่เปลี่ยนไปตามกลุ่มเป้าหมายหรือข้อมูลที่เราเลือกสร้าง

สรุปก็คือไม่มีกลุ่มเป้าหมายหลักอันไหนดีที่สุด และทุกสิ่งที่ยังคงต้องทดลองเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ส่วนเรื่องเคยเข้าใจผิดทุกคนก็คงได้ทำความเข้าใจใหม่ และนำไปพัฒนากลุ่มเป้าหมายของตัวเองได้ในอนาคต ไม่มีอะไรผิดพลาด อยากรู้ก็ต้องลองแล้วคุณจะพบกับผลลัพธ์และเทคนิคที่คุณไม่ต้องไปหาอ่านจากที่ไหนเลย