การรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้จำนวนมาก จึงตกเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีจากแฮ็กเกอร์ การป้องกันเว็บไซต์จากการโจมตีและการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความนี้จะนำเสนอวิธีการป้องกันความเสี่ยงและแนวทางเสริมความปลอดภัยในระดับที่ลึกซึ้งเพื่อรักษาเว็บไซต์ WordPress ของคุณ
ความสำคัญของความปลอดภัยใน WordPress
WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหาที่มีการใช้งานสูงทั่วโลก และผู้ให้บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress ในไทยนั้นก็เยอะมากๆ ทำให้เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีในรูปแบบต่างๆ เช่น การโจมตีแบบ Brute Force การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล การฝังมัลแวร์ การใช้ช่องโหว่จากปลั๊กอินหรือธีมที่ไม่ได้อัปเดต การรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าของเว็บไซต์ควรให้ความสนใจ เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญไม่ให้รั่วไหลและรักษาความเชื่อมั่นจากผู้เยี่ยมชม
เทคนิคปฏิบัติในการเพิ่มความปลอดภัยให้กับ WordPress
เลือกโฮสติ้งที่มีความปลอดภัยสูง
โฮสติ้งที่มีการป้องกันความปลอดภัยในระดับเซิร์ฟเวอร์ เช่น การป้องกัน DDoS ระบบการตรวจสอบการเข้าถึง และการป้องกันไฟร์วอลล์ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีได้ โฮสติ้งที่มีฟีเจอร์การสำรองข้อมูลรายวันและการอัปเดตระบบอย่างต่อเนื่อง เช่น Kinsta SiteGround และ WP Engine เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเพิ่มความปลอดภัยให้เว็บไซต์ WordPress
ตั้งค่าการป้องกัน Brute Force Attack
โจมตีแบบ Brute Force เป็นวิธีที่แฮ็กเกอร์พยายามเข้าสู่ระบบด้วยการทดลองรหัสผ่านจำนวนมาก การใช้ปลั๊กอินความปลอดภัยเช่น Wordfence หรือ iThemes Security จะช่วยเพิ่มระบบการป้องกันจากการโจมตีเหล่านี้ โดยสามารถตั้งค่าให้จำกัดจำนวนการพยายามเข้าสู่ระบบและบล็อกไอพีที่พยายามเข้าสู่ระบบซ้ำๆ ได้อย่างอัตโนมัติ
จำกัดการเข้าถึงไฟล์ที่สำคัญ
ไฟล์สำคัญของ WordPress เช่น wp-config.php
และ .htaccess
ควรถูกป้องกันไม่ให้ถูกเข้าถึงจากภายนอก ไฟล์ wp-config.php
เป็นไฟล์ที่เก็บข้อมูลการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลซึ่งมีความสำคัญ ควรตั้งค่าการเข้าถึงไฟล์นี้เฉพาะสำหรับผู้ดูแลระบบเท่านั้น การใช้คำสั่ง deny from all
ในไฟล์ .htaccess
เพื่อป้องกันการเข้าถึงไฟล์ที่ไม่จำเป็นจากภายนอกก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยเสริมความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์
เปลี่ยน Prefixed Database Table
ค่าเริ่มต้นของตารางฐานข้อมูลใน WordPress จะเริ่มต้นด้วย wp_
ซึ่งทำให้แฮ็กเกอร์สามารถคาดเดาชื่อฐานข้อมูลได้ง่าย การเปลี่ยน Prefix ของฐานข้อมูลให้เป็นค่าที่ไม่คุ้นเคยจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับฐานข้อมูลมากขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนได้ระหว่างการติดตั้ง WordPress หรือใช้ปลั๊กอินเช่น iThemes Security เพื่อช่วยเปลี่ยนค่าได้อย่างสะดวก
ปิดการแสดงรายละเอียดยูสเซอร์
แสดงชื่อยูสเซอร์ (Username) ที่ใช้เข้าสู่ระบบเป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่แฮ็กเกอร์ใช้ในการพยายามเข้าสู่ระบบ การปิดการแสดงชื่อผู้เขียน (Author) และการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ เช่น การป้องกันการเข้าถึง URL แบบ ?author=1
จะช่วยลดความเสี่ยงของการถูกแฮ็กเกอร์นำข้อมูลไปใช้
ตรวจสอบกิจกรรมในเว็บไซต์ (Activity Monitoring)
ตรวจสอบกิจกรรมในเว็บไซต์ช่วยให้คุณเห็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น เช่น การเข้าสู่ระบบ การแก้ไขเนื้อหา และการตั้งค่าอื่นๆ ที่อาจไม่เหมาะสม ปลั๊กอินอย่าง WP Security Audit Log จะช่วยให้คุณสามารถติดตามและบันทึกกิจกรรมที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์ได้ ทำให้สามารถตรวจสอบและป้องกันการกระทำที่อาจเป็นภัยได้ทันที
ตั้งค่าระบบ Firewall สำหรับ WordPress
Firewall คือการป้องกันเว็บไซต์จากการโจมตีภายนอก โดยการตั้งค่า Web Application Firewall (WAF) จะช่วยบล็อกการเข้าถึงที่ไม่ปลอดภัยจากแฮ็กเกอร์และสคริปต์ที่เป็นอันตราย ปลั๊กอินเช่น Sucuri และ Wordfence มีฟีเจอร์ Firewall ที่สามารถป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้
ใช้การสแกนมัลแวร์อย่างสม่ำเสมอ
การสแกนมัลแวร์เป็นวิธีที่ช่วยตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณถูกฝังโค้ดอันตรายหรือมัลแวร์หรือไม่ โดยสามารถใช้ปลั๊กอินที่มีฟีเจอร์การสแกนเช่น Wordfence Sucuri หรือ MalCare ที่มีระบบการตรวจจับการแทรกแซงและการแสดงแจ้งเตือนทันทีเมื่อพบภัยคุกคาม
บล็อกไอพีที่เป็นอันตราย
ปลั๊กอินความปลอดภัยเช่น iThemes Security หรือ Sucuri ช่วยให้คุณสามารถบล็อกไอพีที่พยายามเข้าถึงเว็บไซต์อย่างผิดปกติได้ รวมถึงสามารถบล็อกไอพีจากประเทศที่ไม่ต้องการให้เข้าถึงเว็บไซต์ได้อีกด้วย การบล็อกไอพีที่มาจากตำแหน่งหรือรูปแบบที่น่าสงสัยจะช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีได้มากขึ้น
ปลั๊กอินแนะนำเพื่อเสริมความปลอดภัย WordPress
เพื่อเสริมความปลอดภัยให้กับ WordPress ปลั๊กอินเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- Wordfence Security ครอบคลุมทั้งการสแกนมัลแวร์ การป้องกัน Brute Force Attack และระบบ Firewall ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเว็บไซต์จากการโจมตีต่างๆ
- Sucuri Security มีระบบการป้องกันการโจมตีและมัลแวร์ พร้อม Web Application Firewall และการแจ้งเตือนเมื่อพบกิจกรรมที่ผิดปกติ
- iThemes Security ช่วยเสริมความปลอดภัยด้วยการป้องกันการเข้าสู่ระบบที่ไม่เหมาะสม การตั้งค่า Two-Factor Authentication และการควบคุมสิทธิ์ผู้ใช้งาน
- MalCare ปลั๊กอินที่เน้นการป้องกันมัลแวร์และการสแกนหามัลแวร์อย่างรวดเร็ว มีฟีเจอร์บล็อกไอพีที่มีการโจมตีและการตั้งค่า Firewall
สรุปท้ายบทความ
การรักษาความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์ WordPress เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันข้อมูลและการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ธุรกิจทั่วไปหรือ เว็บไซต์เฉพาะอย่างบริการรับทำเว็บคลินิกของเรา การเลือกใช้โฮสติ้งที่ปลอดภัย การตั้งค่ารหัสผ่านที่คาดเดายาก การติดตั้ง Firewall และการใช้ปลั๊กอินความปลอดภัยเพื่อเสริมประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของเว็บไซต์ควรให้ความสำคัญ นอกจากนี้การตั้งค่าการเข้าถึงไฟล์ที่สำคัญ การบล็อกไอพีที่ไม่ต้องการ และการสแกนมัลแวร์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้เว็บไซต์ WordPress ของคุณ