จุดแข็งอย่างหนึ่งของโฆษณา คือคุณสามารถทำอะไรกับโฆษณาเหล่านั้นได้มากแค่ไหน โฆษณาบน Facebook ที่คนสร้างขึ้นมาสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าชมได้เกือบทุกประเภท โฆษณาเหล่านี้สามารถแสดงตำแหน่งได้ทั้งภายนอกและภายใน Facebook การโฆษณานั้นมีรูปแบบที่แตกต่างกันมากมาย ขึ้นอยู่กับศักยภาพในการปรับแต่งของแต่ละบุคคล
เรามีแฟนลับง่ายๆในการโฆษณาบน Facebook Ads ที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญของคุณให้ดียิ่งขึ้นได้ผลตอบรับที่ชัดเจนไม่วัตถุประสงค์ปัจจุบันของคุณจะเป็นอย่างไร เราสามารถช่วยให้คุณเพิ่ม ROI ได้สูงสุดกับเทคนิค 9 ข้อยิงโฆษณา Facebook Ads ให้แม่นยำซึ่งใช้ได้ดีอย่างมากกับแคมเปญส่วนใหญ่
การกำหนดเป้าหมายใหม่
โดยเฉลี่ยแล้วแคมเปญที่กำหนดเป้าหมายใหม่จะมีอัตรา Conversion สูงกว่าและช่วยให้ค่า CPC ที่ต่ำลง ไม่ว่าคุณจะกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้ใช้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ หรือแม้แต่การแสดงโฆษณาลดราคาจำนวนมากให้กับลูกค้าประจำ ความคุ้นเคยนั้นจะทำให้พวกเขาเต็มใจที่จะคลิกโฆษณานั้นมากขึ้นและดูสิ่งที่คุณนำเสนอความสามารถในการกำหนดเป้าหมายใหม่ของ Facebook ช่วยให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายได้ทั้งหมด 2 รูปแบบที่แตกต่างกันคือ
ผู้ที่อยู่ในรายชื่อที่คุณอับโหลด
รายชื่อเหล่านี้อาจประกอบด้วยลูกค้าในอดีตสมาชิกอีเมล์หรือสมาชิกบล็อก วิธีนี้ใช้ดีที่สุดเมื่อคุณต้องการสร้างข้อเสนอที่ตรงเป้าหมายและตรงกลุ่ม ลองคิดเรื่องของแคมเปญ ลดราคาพิเศษสำหรับ “ลูกค้าระดับแพลตตินั่ม” เทคนิคเหล่านี้อาจจะตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นกับลูกค้าเก่า
ผู้ที่มีการโต้ตอบกับธุรกิจของคุณไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
อาจเป็นการเขามาชมเว็บไซต์ ดูวิดีโอบางส่วนบนแพลตฟอร์มของคุณหรือคลิกดูสินค้า เนื่องจากโฆษณานั้นมีตัวเลือกในการกำหนดเป้าหมายผู้ที่มีปฏิสัมพันธ์กับหน้าร้านของคุณได้อีกด้วย เราสามารถตั้งค่าการประมวลผลเหล่านี้แบบออฟไลน์ได้ โดยการตั้งค่าเลือกอีเมล์ตอบรับอัตโนมัติ ช่วยให้เราสบายขึ้นไปได้อีกนิดหน่อย
ไม่ว่าคุณจะเลือกสร้างกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองหรือแบบการกำหนดเป้าหมายใหม่อย่างไรก็ตามอย่าลืมใช้สิ่งที่คุณรู้เกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายนั้นให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ในการสร้างข้อความที่ลูกค้าต้องการ
ใช้ภาพและวิดีโอที่ดึงดูด
หลายคนนั้นเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับโฆษณาบน Facebook ว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องนำวิดีโอมาประกอบ หลังจากที่มีข่าวว่า Facebook มีการซ่อนข้อผิดพลาดเมตริกโฆษณาวิดีโอที่สูงเกินจริง อย่างไรก็ตามวิดีโอยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการทำการตลาดบน Facebook และยังคงมีความสำคัญต่อโฆษณาบน Facebook ด้วยเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ววิดีโอช่วยให้เราเล่าเรื่องราวได้ดีกว่าการพิมพ์ ลูกค้าจำนวนมากจะเห็นข้อความโฆษณาที่มีความยาวมากกว่า 2 บรรทัดสิ่งที่พวกเค้าทำคือเลือนผ่านและไม่สนใจเพราะว่ามัน NOPE แต่ในทางกลับกันพวกเค้ากับหยุดดูดีโอที่ใช้เวลา20 วิอย่างเพลิดเพลินได้ สิ่งนี้ช่วยให้คุณมีพื้นที่มากขึ้นในการส่งข้อความของคุณและสร้างฐานลูกค้าใหม่ขึ้นมาได้
กลยุทธ์การโฆษณาบน Facebook แบบคลาสสิกด้วยการตั้งค่าช่องทางโฆษณา Facebook พร้อมวิดีโอ เรียกใช้แคมเปญที่ดึงดูดการเข้าชมใหม่ ๆ หรือกลุ่มผู้ชมที่คล้ายกันโดยแสดงโฆษณาวิดีโอที่เน้นการเล่าเรื่องแบรนด์ จากนั้นสร้างโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่ดูวิดีโออย่างน้อยสิบวินาทีโดยแสดงโฆษณาที่สร้างโอกาสในการขายและข้อเสนออย่างลดราคา โปรโมชั่นพิเศษ และอื่นๆ
สร้างโฆษณาหลายชุด หรือที่เรียกว่า “A/B Testing”
การที่ต้องทำ A/B Testing ซ้ำหลายๆครั้ง ไม่ใช้เรืองที่สนุกอย่างที่คิด ยิ่งตอนที่เรามีแคมเปญจำนวนมากมารอต่อท้าย
อยู่ เพราะฉะนั้นแล้วเราควรเราควรรสร้าง Adset พร้อมกันทีเดียวหลายๆ Ad set ถึงช่วงที่ผ่านมานั้นจะยังไม่มีรูปแบบนี้เข้ามาช่วย แต่ตอนนี้ทาง Facebook ก็ออกมาปล่อยฟิวเจอร์ตัวใหม่นี้พร้อมกับตั้งชื่อว่า “Create Multiple New Ad Sets”ออกมาแล้ว ประสิทธิภาพดี ช่วยให้การทำงานง่ายมากขึ้น เนื้อหาไม่ได้ซับซ้อนช่วยให้เราทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
4. หมั่นตรวจเช็คโฆษณาอย่างรอบคอบ
คุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้ในสถานที่ต่างๆบน Facebook และ นอก Facebook รวมถึง Instagram และ Audience Network นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกแสดงโฆษณาบนตำแหน่งบนหน้าเดสก์ท็อป ตำแหน่งบนมือถือ หรือหากต้องการทั้งสองอย่างก็สามารถเลือกได้เช่นเดียวกัน
ตำแหน่งต่างๆจะส่งผลต่อแคมเปญของคุณแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นผู้ใช้มือถืออาจมีโอกาสซื้อน้อยกว่าผู้ใช้เดสก์ท็อป แต่มีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมมากกว่า ตำแหน่งใน Instagram มักมีราคาสูงกว่า Facebook ทั่วทั้งหน้าแต่ก็มีส่วนร่วมที่สูงกว่าโดยเฉลี่ยเช่นกันในทำนองเดียวกันโฆษณา newsfeed บนแพลตฟอร์มจะทำงานได้ดีกว่าโฆษณาคอลัมน์ด้านขว บน Facebook แต่โฆษณา newsfeed มีศักยภาพมากกว่าที่จะนำไปสู่ CTR ที่สูงขึ้น
5. รักษาคะแนนความเกี่ยวข้องและความถี่
มีสองเมตริกที่ผู้ลงโฆษณาจำนวนมากละเลย และตัวคุณเองต้องให้ความสนใจอย่างรอบคอบในโฆษณาบน Facebook ได้แก่ คะแนนความเกี่ยวข้องและความถี่ เนื่องจากมันสามารถบอกได้ว่า ผู้ใช้ 1 คนเห็นโฆษณาตัวนี้ไปแล้วกี่ครั้ง หากคะแนนของคุณคือ 2 หมายความว่าผู้ใช้แต่ละรายที่เห็นโฆษณาของคุณจะเห็นโฆษณาโดยเฉลี่ยเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งเป็นคะแนนที่ดีอย่างมาก อย่างไรก็ตามหากคะแนนของคุณคือ 9 ผู้ที่เห็นโฆษณาของคุณ 9 ครั้งและไม่ได้ทำ Conversion แสดงให้เห็นว่าโฆษณาของคุณไม่ได้ผล ทำให้ลูกค้ามองว่าแบรนด์ไม่ดีหรืออื่นๆ ตามหลักการแล้วความถี่ของคุณควรอยู่ที่ 3 หรือต่ำกว่านั้น
6. เน้นเนื้อหาบนมือถือเป็นอันดับแรก
มือถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างมากในการเข้าถึงสื่อโซเชียลมีเดีย การใช้งานมือถือกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากดังนั้นการเน้นสร้างเนื้อหาบนมือถือ ที่มีคุณภาพสามารถทำให้มีแนวโน้มในการตอบโต้ง่ายที่สุด
เนื้อหาที่สร้างขึ้นสำหรับเดสก์ท็อปมักจะไม่สามารถทำงานได้ดีในอุปกรณ์เคลื่อนที่ แต่โดยทั่วไปแล้วเนื้อหาที่สร้างขึ้นสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่กลับทำงานได้ดีบนเดสก์ท็อป การสร้างเนื้อหาสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่จึงเป็นสิ่งสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้นนั้นเอง
อย่าลืมตรวจสอบว่าเนื้อหาของคุณว่าเหมาะสมสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือไม่ อย่างการเพิ่มวิดีโอแนวตั้งไว้ในแคมเปญของคุณเนื่องจากผู้ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่สามารถขยายวิดีโอและดูแบบเต็มหน้าจอได้ อาจจะฟังแล้วคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ได้สำคัญอะไรมากนักแต่มันกลับส่งผลตอบรับที่ดีอย่างไม่น่าเหลือเชื่อ
7. บ้างครั้งการตั้งงบโฆษณาสูงก็ไม่ได้ผลเสมอไป
การตั้งงบยิงโฆษณา Facebook ด้วยต้นทุนในราคาสูง บ้างครั้งก็อาจทำให้เสียเงินไปฟรีๆ แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย สิ่งที่ต้องทำมากกว่าการตั้งงบไว้ในราคาที่สูงก็คือ การเลือกกลุ่มเป้าหมายโฆษณา Facebook ให้ดี ทำการทดสอบ Content ก่อนยิงโฆษณา Facebook ทุกครั้ง เลิกการทำ Content เดียวแต่หลากหลาย Platforms เพื่อตรวจสอบความพึ่งพอใจของลูกค้าแต่ละ Social
8. ใช้ลูกค้าประจำเป็นต้นแบบในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะคล้ายกันกับลูกค้าประจำ อาจสนใจสินค้าของเรามากกว่ากลุ่มอื่นๆ การนำต้นแบบจากลูกค้าประจำมาเลือกกลุ่มเป้าหมายอาจช่วยให้เปอร์เซ็นต์ในการคลิกหรือการซื้อสินค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น หากท่านใช้เว็บไซตืในการทำโฆษณาควรที่จะใช้ Facebook Pixel เพื่อติดตามการกระทำของผู้ใช้นอกเหนือที่จากที่มีให้
9. รู้จักผู้ชมก่อนกำหนดเป้าหมาย
Facebook เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่กว้างขวาง คุณสามารถสร้างผู้ชมเฉพาะกลุ่มที่ต้องการได้เกือบทุกกลุ่ม บางครั้งการสร้างผู้ชมเฉพาะกลุ่มมากเกินไปอาจทำให้ผู้ชมของคุณ มีจำนวนน้อยเกิน เมื่อเราลองใช้การกำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มแบบจำกัด ทำให้มีผู้ชมโฆษณาบ่อยเกินไปและส่งให้ค่า CPC พุ่งสูงขึ้นแม้ว่าการกำหนดเป้าหมายจะสมเหตุสมผลก็ตาม
คิดอย่างไรหากจะนำเคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา Facebook เหล่านี้ไปใช้กับแคมเปญของคุณ มีเทคนิคไหนที่เรานั้นพลาดไปรึป่าว เคล็ดลับการโฆษณาบน Facebook เหล่านี้สามารถทำให้การทำงานบ้างส่วนสะดวกและง่ายมากขึ้นเล็กน้อยและมีประสิทธิภาพเพิ่ม เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณทำงานอย่างมืออาชีพ ไม่ต้องเสียเวลาในการยิงโฆษณามากอย่างที่เคย แต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน