Google Ads ในปี 2025 ไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มโฆษณาอีกต่อไป แต่มันกำลังกลายเป็น “ผู้ช่วยด้านการตลาด” ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่ได้มาเพื่อแทนที่มนุษย์ แต่มาเพื่อช่วยให้คุณทำโฆษณาได้แม่นยำขึ้น เร็วขึ้น และประหยัดมากขึ้น
AI ทำงานอะไรให้คุณบ้างใน Google Ads
- Smart Bidding ระบบจะกำหนดราคาประมูลอัตโนมัติ โดยดูจากโอกาสที่คนจะ Convert จริง ๆ เช่น เวลาเข้าเว็บไซต์, อุปกรณ์ที่ใช้, พฤติกรรมก่อนหน้า ฯลฯ
- Responsive Ads คุณใส่ข้อความและรูปหลายแบบ แล้ว Google จะจัดชุดโฆษณาที่ดีที่สุดให้แต่ละคนแบบอัตโนมัติ
- Performance Max แคมเปญที่ให้ Google ใช้ AI ยิงโฆษณาไปยังทุกช่องทางแบบอัตโนมัติ (Search, YouTube, Display, Gmail ฯลฯ)
- Keyword Matching + Search Term Prediction ระบบสามารถคาดเดาว่าคนเสิร์ชด้วยคำไหนถึงจะตรงกับโฆษณาของคุณได้แม่นยำขึ้น แม้คำจะไม่ได้ตรงเป๊ะ
- Dynamic Search Ads (DSA) Google จะสร้างโฆษณาโดยอิงจากเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณโดยตรง เพื่อให้แสดงผลตามคำค้นหาที่เกี่ยวข้องแม้คุณจะไม่ได้เลือกคีย์เวิร์ดไว้ก่อน
- Auto-Generated Assets ระบบสามารถสร้างข้อความโฆษณาอัตโนมัติให้คุณได้ หากไม่มีเวลาทำคอนเทนต์ครบทุกขนาด

ทำไมคุณควรปรับตัวให้เร็ว
- เพราะ AI ทำให้การแข่งขันในตลาดเร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น
- คนที่ใช้ระบบอัตโนมัติได้ดี จะใช้งบน้อยกว่า แต่ได้ผลลัพธ์มากกว่า
- ทีมที่ไม่เข้าใจระบบ จะเสียเงินโดยไม่รู้ตัว เพราะปรับแคมเปญไม่ตรงจุด
- ธุรกิจที่รู้จักเทสต์ + วิเคราะห์จากข้อมูล จะสามารถปรับตัวได้ไวกว่าในสภาพตลาดที่เปลี่ยนเร็ว
วิธีใช้ประโยชน์จาก AI ใน Google Ads ให้ได้เต็มที่
ปรับมุมมองจาก “ควบคุมทุกอย่าง” มาเป็น “ให้ข้อมูลที่ดีแล้วให้ระบบช่วยตัดสินใจ”
AI ไม่ได้ต้องการให้คุณปล่อยมือ แต่ต้องการ “ข้อมูล” ที่แม่นยำ เช่น
- Conversion ที่ตั้งถูกต้อง
- Audience Signals ที่ชัดเจน
- ครีเอทีฟที่หลากหลายให้ระบบเลือกใช้

เรียนรู้การอ่านสัญญาณจากระบบ
Google Ads แสดงข้อมูลหลายอย่างที่บอกคุณได้ว่า แคมเปญกำลังดีขึ้นหรือแย่ลง เช่น:
- Learning status
- Ad strength
- Search term reports
- Top signals ใน Performance Max ที่บอกว่าอะไรเป็นปัจจัยหลักในการ Convert
ใช้ระบบอัตโนมัติคู่กับการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์
อย่าปล่อยให้ระบบทำงานลอย ๆ ควรมีรอบวิเคราะห์ผลลัพธ์, แยกกลุ่มแคมเปญ, และ A/B Test ต่อเนื่องเพื่อปรับเนื้อหาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
- วิเคราะห์จาก Dashboard ของ Google Ads + GA4
- วางแผน Budget Allocation โดยดูจาก Conversion Path
ตัวอย่างระบบอัตโนมัติที่ใช้แล้วได้ผล
- Smart Bidding แบบ Maximize Conversions สำหรับร้านค้าที่มีสินค้าหลายรายการ
- Performance Max สำหรับธุรกิจที่ต้องการทั้ง Awareness และ Conversion ในแคมเปญเดียว
- Responsive Search Ads สำหรับเจาะกลุ่มที่เสิร์ชหลากหลายคำ
- DSA สำหรับเว็บที่มีคอนเทนต์เยอะ และอยากให้แสดงโฆษณาอัตโนมัติจากหน้าเพจต่าง ๆ
สรุป AI ไม่ได้มาแทนคุณ แต่ถ้าคุณไม่ใช้ คุณจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
การใช้ระบบอัตโนมัติใน Google Ads ไม่ได้หมายความว่าคุณควบคุมอะไรไม่ได้เลย แต่มันคือการเปลี่ยนบทบาทของคุณ จากผู้คุมระบบ มาเป็นผู้วางแผนที่รู้ว่าจะ “ส่งข้อมูลอะไรให้ระบบเรียนรู้ได้ดีที่สุด”
ใครที่เริ่มเรียนรู้ก่อน ปรับตัวไวกว่า = ได้เปรียบกว่าแน่นอนครับ
เขียน/เรียบเรียงโดย: บจก. มูฟออน มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
LINE ID @moveonmarketing
Mobile : 064 989 9797
Email : [email protected]
สนใจใช้บริการ Google Ads ดูรายละเอียดทางนี้ได้เลยครับ : https://www.moveonmarketing.com/ads/google